เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563 เวลา 08.15 น. นายชาญณรงค์ ฐานะวิจิตร รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 นำคณะผู้อำนวยการกลุ่ม และเจ้าหน้าที่ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 ร่วมพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีนายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธาน และมีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ประชาชนจิตอาสา ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ศูนย์ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ตำบลสะเดียง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
อนึ่ง วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช" ซึ่งมีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน" ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น "วันปิยมหาราช" ในวันปิยมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จฯ ไปวางพวงมาลา ณ พระบรมรูปทรงม้าซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นประจำทุกปี
สมเด็จพระปิยมหาราช หรือพระนามเต็มว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระองค์ที่ 1 ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เสวยราชสมบัติเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. 2411 เสด็จสวรรคต ด้วยโรคพระวักกะ (ไต) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 เวลา 2.45 นาฬิกา ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สิริพระชนมายุได้ 57 พรรษา
การร่วมวางพวงมาลาถวายราชสักการะและถวายบังคม เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตา รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระปิยมหาราช" พระผู้ทรงคุณธรรมอันประเสริฐ ที่ได้ทรงบำเพ็ญคุณประโยชน์แก่ชาติอย่างใหญ่หลวง ตลอดรัชสมัยของพระองค์ พระองค์ทรงคำนึงถึงทุกข์สุขของราษฎร และประโยชน์ของประเทศชาติ มากกว่าประโยชน์สุขส่วนพระองค์ ทรงรับพระราชภาระอันหนักยิ่ง ทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร ในรัชสมัยของพระองค์เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในบ้านเมืองของเราที่สร้างความเจริญก้าวหน้า ให้ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ สำหรับพระราชกรณียกิจสำคัญที่นับว่าเป็นการปฏิรูปประเทศครั้งยิ่งใหญ่ คือการเลิกทาสอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปราศจากการเสียเลือดเนื้อหรือการต่อต้านที่รุนแรง โดยอาศัยมาตรการทางกฎหมาย และด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ จนประสบความสำเร็จได้ในเวลา 30 ปีเศษ ทาสในเมืองไทยก็หมดไป นอกจากนี้ยังมีการปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัย การปฏิรูประบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น การไฟฟ้า การประปา การไปรษณีย์-โทรเลข-โทรศัพท์ และการสาธารณสุข อีกด้วย
ติดตามประมวลภาพส่วนหนึ่งได้ที่เว็บไซต์เฟสบุ้ค เว็บลิงค์ https://www.facebook.com/groups/www.phetchabun1.go.th/permalink/3522205437825793/